15.00 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 4 แถว E เคาน์เตอร์สายการบิน การบินไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
19.00 น. เดินทางสู่ท่าอากาศยานเมืองอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน โดยสายการบิน การบินไทย เที่ยวบินที่ TG349 ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง 10 นาที
22.10 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานเมืองอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน (เวลาปากีสถานช้ากว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) รับกระเป๋าเดินทางและพบกับเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลท่านในการเดินทาง
จากนั้น พาท่านเดินทางเข้าโรงแรมที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก HILL VIEW HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยัง สถานทูตอัฟกานิสถานประจำอิสลามาบัด เพื่อทำวีซ่าเข้าประเทศอัฟกานิสถาน
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
จากนั้น พาท่านเที่ยวชม มัสยิดไฟซอล (Faisal Mosque) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศปากีสถาน ตั่งอยู่ที่กรุงอิสลามมาบัด มีรูปร่างเหมือนเต็นท์เบดูอินที่พบเจอได้ในทะเลทราย ตั้งชื่อเพื่อให้เกียรติแก่กษัตริย์ ไฟซอล บิล อับดุล อาซีส (Faisal bin Abdul Aziz) ภายในสามารถจุคนได้กว่า 100,000 คน
จากนั้น เที่ยวชม อนุสาวรีย์ปากีสถาน Pakistan Monument เป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติและพิพิธภัณฑ์มรดกตั้งอยู่บนเนิน Shakarparian ตะวันตกในกรุงอิสลามาบัดประเทศปากีสถาน อนุสาวรีย์ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของชาวปากีสถาน ความสูงของอนุสาวรีย์ที่มองเห็นได้จากทั่วบริเวณเมืองหลวงของกรุงอิสลามาบัด
เย็น รับประทานอาหารเย็น และเดินทางเข้าโรงแรมที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก HILL VIEW HOTEL หรือเทียบเท่าระดับ 3 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น เดินทางไปรับเอกสารวีซ่าอัฟกานิสถาน
11.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน และเดินทางไปยังสนามบินอิสลามาบัด เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไปยังเมืองคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน
16.30 น. เดินทางสู่สนามบินกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน โดยสายการบิน Kam Air เที่ยวบินที่ RQ928 ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง
17.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ ฮามิด การ์ไซ เมืองคาบูล (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าเวลาประเทศไทย 2 ชั่วโมง 30 นาที) เมืองหลวงของประเทศอัฟกานิสถาน ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและพบกับเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่จะคอยดูแลท่านตลอดการเดินทาง
จากนั้น เดินทางไปยังโรงแรมที่พัก รับประทานอาหารเย็น เช็คอินห้องพัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก Kabul Serena Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ เกสต์เฮ้าส์ที่พัก
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าตื่นเต้นแห่งหนึ่งของเมืองนี้ ระหว่างทางท่านจะได้พบกับความเป็นอยู่ของชาวอัฟกานิสถานในสองข้างทางที่รถเคลื่อนผ่าน ความเป็นอยู่ที่ค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปตลอด 30 ปีที่ผ่านมาในการจราจรที่คับคั่งและเขตพื้นที่อันตรายในบางจุด แต่ในความน่ากลัวนี้ยังคงมีอัญมณีที่สมบูรณ์แบบที่รอคอยให้ท่านมาชื่นชมความงามของเมืองอันเป็นที่รักของจักรพรรดิบาบูร์แห่งจักรวรรดิโมกุล พาท่านเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์คาบูล Kabul Museum เป็นระยะเวลานานกว่า 1,000 ปี ที่ดินแดนอัฟกานิสถาน เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางแพรไหมที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์กันระหว่างอินเดีย อิหร่าน และ เอเชียกลาง ด้วยเหตุนี้เอง ณ ดินแดนแห่งนี้ จึงอุดมไปด้วยโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า ซึ่งได้มีการขุดค้นและเก็บรักษาไว้ พิพิธภัณฑ์กรุงคาบูลก็เป็นสถานที่หนึ่งที่เก็บรักษาโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ของเอเชียกลางเหล่านั้นไว้ มีโบราณวัตถุหลายชิ้นด้วยกัน ที่มีอายุเก่าแก่ไปจนถึงยุคก่อนประวัติศาสตร์ และชุดจัดแสดงที่ใหญ่ที่สุดชุดหนึ่งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็คือ ชุดกลุ่มโบราณวัตถุจากเมืองบากรัม แต่อย่างไรก็ตาม สมบัติอันทรงคุณค่าที่กล่าวถึงข้างต้นนี้ ต่อมาได้ถูกโจรกรรมไปอันเนื่องมาจากพิพิธภัณฑ์ถูกโจมตีด้วยระเบิดในปี ค.ศ.1993 ในตอนแรกนั้น มีเพียงโบราณวัตถุที่จัดแสดงอยู่บริเวณระเบียงทางเดินชั้นบนหายไปเท่านั้น โบราณวัตถุที่เหลืออยู่บนชั้นบน จึงได้ถูกขนลงมาเก็บไว้ชั้นล่าง ซึ่งมีประตูเหล็กป้องกันไว้ ต่อมา ในปี ค.ศ. 1994 องค์การสหประชาชาติ ได้พยายามที่จะหยุดยั้งพวกหัวขโมย จึงได้เข้ามาดำเนินการซ่อมแซมประตูพิพิธภัณฑ์เสียใหม่ และก่ออิฐซ่อมแซมหน้าต่างทุกบาน แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามดังกล่าวนี้ ไม่ได้ผลแต่อย่างใด เนื่องจากโบราณวัตถุยังคงสูญหายอยู่อย่างต่อเนื่องไปจนถึงกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ของโบราณวัตถุที่เคยมี มีรายงานว่านักสะสมโบราณวัตถุ และนักค้าโบราณวัตถุจากแดนไกล เช่น จากประเทศญี่ปุ่น ได้ซื้อโบราณวัตถุที่ถูกขโมยออกมาเหล่านี้ไป ทำให้ขณะนี้ โบราณวัตถุที่เคยจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก และสร้างรายได้อันมหาศาลให้แก่พวกอาชญากร (รูปด้านบน รูขนาดใหญ่ตรงขอบหน้าต่างที่เกิดจากระเบิดซึ่งเป็นช่องทางให้หัวขโมยเข้าไปโจรกรรมโบราณวัตถุ รูปด้านล่าง คือรูปหลังบูรณะใหม่)
จากนั้น พาท่านชม พระราชวังดารุล อามาน Darulaman Palace พระราชวังที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของอัฟกานิสถาน อยู่ห่างจากตัวเมืองคาบูลมา 16 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ อามันนูลาห์ข่าน ผู้ปกครองอัฟกานิสถานในช่วงปี ค.ศ. 1919-1929 ได้มาการสั่งให้สร้างพระราชวังแห่งนี้เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมของเมืองและเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศ ออกแบบตามการสร้างแบบยุโรปและสวยงามดั่งอัญมนีบนมงกุฏ แต่เรื่องน่าเศร้าคือเมืองแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นและพระราชวังแห่งนี้ก็ถูกปล่อยร้างเนื่องจากผู้ปกครองคนใหม่ได้ล้มอำนาจของอามันนูลาห์และปล่อยให้จักรวรรดิล่มสบายไป จากนั้นในปี ค.ศ. 1970 พระราชวังแห่งนี้ถูกเผาและเป็นที่พักพิงของกลุ่มชาวมุสลิมในปี ค.ศ. 1990 และเป็นเป้าหมายของกลุ่มหัวรุนแรงตอลีบันในปี ค.ศ. 2012 และเปลี่ยนแปลงจากพระราชวังที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของโลกใหม่ที่สวยงามและการเปลี่ยนแปลงที่ดีกลับถูกทำลายอย่างโหดร้ายจากกลุ่มหัวรุนแรง ในปัจจุบันท่านจะได้เห็นพระราชวังที่รอวันพังทลายลงแต่ยังคงเหลือไว้ซึ่งกำแพงสูงตระหง่านที่จารึกไว้ซึ่งประวัติศาสตร์ของอัฟกานิสถาน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
จากนั้น พาท่านเดินเล่นที่ ตลาดนกคา ฟาโรชิ Ka Faroshi Bird Market ตลาดที่เมื่อท่านย่างกรายเข้าไปแล้วท่านจะรู้สึกเหมือนตัวเองเดินทางย้อนเวลาไปเมื่อร้อยปีก่อน ตลาดแห่งนี้ไม่โดนทำลายโดยสงครามและยังไม่มีความทันสมัยเข้ามาถึงในบริเวณแห่งนี้ นอกจากนกแล้ว ตลาดแห่งนี้ยังขายม้าและกระต่ายอยู่ตามสองข้างทาง นกที่มีฉายาว่า “ราชาแห่งนก” คือนกกระทาชน (เหมือนไก่ชนบ้านเรา) กิจกรรมชนนกกระทาจะเกิดขึ้นทุกๆ วันศุกร์เช้า ใช้เวลาในการตีกันเพียงครู่เดียวเท่านั้น เพราะไม่ต้องการให้นกบาดเจ็บรุนแรงเนื่องจากราคาของนกชนิดนี้ในตลาดนกราคาสูงมากจึงไม่มีใครอยากเสี่ยงกับชีวิตของนก และการพนันเป็นเรื่องธรรมดาของที่นี่หากมีนกที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ครั้งนี้และคาดการณ์ว่าจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีก ชีวิตของมันก็จะจบลงในหม้อ
จากนั้น พาท่านเดินทางกลับโรงแรมที่พัก และรับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย (ไม่แนะนำให้ออกไปเดินเล่นนอกที่พัก)
ที่พัก Kabul Serena Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้าตรู่ ปลุกท่านแต่เช้าตรู่และรับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
08.00 น. เดินทางไปยัง เมืองฮารัต Herat โดยสายการบินอาเรียนาอัฟกัน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ FG251
09.10 น. เดินทางถึง เมืองฮารัต เมืองขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศอัฟกานิสถานตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ มีฉายาว่า Nagin Aseeya หรือ เพชรแห่งเอเชีย เมืองนี้มีอายุมากกว่า 3,000 ปี ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้มีความสำคัญมาก เมืองนี้ถูกทำลายอยู่หลายครั้ง แต่ยังคงได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดเวลา ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เมืองนี้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมากเนื่องจากมีการพัฒนาโดยอิสมาอิล ข่าน ผู้บัญชาการกองพลท้องถิ่นของญิฮาด อิสมาอิล ข่านปกครองเมืองฮารัตจนกระทั่งถูกล้มการปกครองและยึดพื้นที่โดยกลุ่มหัวรุนแรงตอลีบัน จนกระทั่งการล่มสลายของกลุ่มกองกำลังหัวรุนแรง อิสมาอิล ข่าน ได้กลับมาทำหน้าที่ผู้ว่าอีกครั้งและเริ่มสานงานต่อ ที่ฮารัตผู้คนจะเป็นมิตรมากกว่าที่อื่นและสามารถพูดภาษาอังกฤษได้และเป็นจังหวัดที่ปลอดภัยกว่าจังหวัดอื่นๆ
จากนั้น พาท่านเดินทางเที่ยวชมเมืองฮารัต เมืองนี้ได้รับการบำรุงรักษาโดยกลุ่มเอเจนซี่ที่คอยบำรุงรักษาโบราณสถานและโบราณวัตถุหลายประเทศทั่วโลก ตามถนนที่รถขับผ่านท่านจะได้พบกับสิ่งก่อสร้างและช่างฝีมือมากมายหลายแขนงที่คอยแต่งแต้มสีสันให้กับเมืองนี้
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
ต่อมา มุ่งหน้าไปยัง สถาปัตยกรรมมาซุลห์ Musalla Complex เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นจากหินมีลักษณะคล้ายทรงกระบอก สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่มัสยิดแบบอิสลามที่สวยที่สุดในประเทศอัฟกานิสถานโดยมีพระนาง Gowhar Shad ภรรยาของ Shah Rukh สตรีที่โดดเด่นอีกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ Musalla Complex แห่งนี้ยังประกอบไปด้วย โรงเรียนมุสลิม สุเหร่า และหอสูงยอดแหลมกว่า 20 หอ สิ่งก่อสร้างเหล่านี้เป็นผลงานชิ้นเอกของพระนาง Gowhar Shad ในปัจจุบันนี้เป็นสุสานเก็บศพของพระนาง Gowhar Shad และมีหลงเหลือเพียงสุสาน และหอสูงยอดแห่งเพียง 5 หอเนื่องจากเวลาที่ผ่านมานานและผลกระทบจากแผ่นดินไหวและการรุกรานของทหารโซเวียต สถานที่แห่งนี้สวยงามยามกลางวันแต่กลับกลายเป็นสถานที่สุดหลอนยามค่ำคืน
ค่ำ พาท่านรับประทานอาหารค่ำ และเช็คอินโรงแรม
ที่พัก Nazary Hotel ระดับ 4 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น สถานที่แรกที่เราจะพาท่านไปคือ มัสยิดวันศุกร์ Friday Mosque หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า มัสยิดอี-เจมี่ แห่งฮารัต (Masjid-i Jami' of Herat) เป็นมัสยิดหลวงในฮารัต ซึ่งมีที่มาจากการที่มัสยิดจะมีกิจกรรมให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามชุมนุมกันเพื่อกล่าวบทสวดสรรเสริญองค์อัลลอฮ์ ดำเนินการก่อสร้างในปีคริสต์ศักราช 1404 - 1446 โดยใช้สถาปัตยกรรมแบบอิสลามและปูกระเบื้องแบบตามจักรวรรดิตีมูร์และจักรวรรดิกอห์ริดและได้ชื่อว่าเป็นมัสยิดที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
จากนั้น พาท่านชม ป้อมปราการฮารัต Herat Citadel หรือบางคนอาจเรียกว่า ป้อมปราการอเล็กซานเดอร์มหาราช ตั้งอยู่กลางเมืองฮารัต ย้อนไปเมื่อ 330 ปีก่อนคริสตศักราชตั้งแต่รัชสมัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช เมื่ออเล็กซานเดอร์มหาราชและกองทัพของพระองค์เข้ามาปกครองหลังจากการสู้รบยุทธการที่กอกามีลา Battle of Gaugamela เป็นการสู้รบระหว่างทัพมาซิดอนร่วมกับสันนิบาตโครินธ์ นำโดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชและทัพเปอร์เซีย นำโดยพระเจ้าดาไรอัสที่ 3 ยุทธการครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ป้อมปราการแห่งนี้ถูกใช้เป็นฐานทัพหลักในการสู้รบมากว่า 2,000 ปี ถึงจะถูกทำลายอยู่หลายครั้งแต่ก็ยังได้รับการบูรณะมาตลอดหลายศตวรรษ
จากนั้น พาท่านรับประทานอาหารค่ำ และกลับโรงแรมที่พัก
ที่พัก Nazary Hotel ระดับ 4 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองมะซารีชะรีฟ เส้นทางการบิน ฮารัต – คาบูล – มะซารีชะรีฟ ใช้ไฟล์ทเช้า ใช้เวลาในการเดินทาง 3-4 ชั่วโมง
เดินทางถึง เมืองมะซารีชะรีฟ Mazar-e Sharif มะซารีชะรีฟเป็นศูนย์กลางภูมิภาคในภาคเหนือของประเทศ อยู่ใกล้กับอุซเบกิสถานและทาจิกิสถาน ยังเป็นเมืองที่มีอัตราการเจริญเติบโตด้านการก่อสร้างสูงสุดคือ 91% นับจากเมืองเอกของจังหวัดและ บริเวณขยับขยาย นอกเหนือจากขอบเขตเทศบาล แต่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของย่านเมือง บริเวณรอบ ๆ มะซารีชะรีฟเป็นส่วนหนึ่งของเขตประวัติศาสตร์แห่งบริเวณเกรตเตอร์โคราซาน (greater Khorasan) ที่เคยอยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์ทาฮิริยะห์ ตามด้วยราชวงศ์ซัฟฟาริด ซามานิยะห์ กาสนาวิยะห์ กูริด ข่านอิล ตีมูร์ และจักรวรรดิข่านบูคารา ในกลางศตวรรษที่ 18 เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิดุรรานีจากการทำสนธิสัญญาร่วมกันระหว่างมูราด เบคกับอาหมัด ชาห์ ดุรรานี ต่อมาในช่วงสงครามโซเวียตในคริสต์ทศวรรษ 1980 มีการใช้สนามบินมะซารีชะรีฟอย่างมาก จวบจนถึง ค.ศ. 2001 ถึงสงครามในปัจจุบัน
กลางวัน พาท่านรับประทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยัง สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำเมือง ได้แก่ ศาสนสถานเฮซเรต อาลี (Shrine of Hazrat Ali) ตั้งอยู่ในกลางเมืองมาซาร์ อี ชารีฟ สร้างขึ้นในรัชสมัยของราชวงศ์เซลจุค (Seljuq dynasty) โดยสุลต่านอะห์เมด ซานจาร์ ถูกทำลายในปีคริสต์ศักราช 1220 โดยกองทัพของจักรวรรดิมองโกล ต่อมาได้มีการบูรณะและก่อสร้างมัสยิดสีครามเพิ่มเติมจนแล้วเสร็จในปีคริสต์ศักราช 1481 โดยสุลต่าน ฮุสเซ็น มีร์ซา เบการาห์ ปัจจุบันกลายเป็นศาสนสถานและหลุมฝังศพของผู้นำทางการเมืองและศาสนา ว่ากันว่านักแสวงบุญทั้งหลายต้องมาแสวงบุญที่นี้ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
เย็น พาท่านรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร
จากนั้น พาท่านรับประทานอาหารค่ำ และเช็คอินโรงแรมที่พัก
ที่พัก Baran Imperatory Hotel ระดับ 3 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น พาท่านเดินทางไปทางตอนใต้ของเมืองมะซาสู่ สแมนแกน Samangan ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง มีพื้นที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาฮินดูกูซ เป็นเมืองโบราณศูนย์กลางทางพุทธศาสนาในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 และ 5 สถานที่ตั้งของสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะอยู่ในประเทศนี้ พาท่านเยี่ยมชม ทัคห์ อี โรสแตม (Takth i Rostam) ถํ้าหินเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 1,500 ปี เป็นศูนย์รวมของผลงานการแกะสลักเจดีย์หินโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบพุทธศาสนานิกายเถรวาทและโบสถ์ลิลาเบล่าของประเทศเอธิโอเปีย
เที่ยง รับประทานอาหารแบบปิคนิค
ได้เวลา เดินทางกลับเมืองมะซารีชะรีฟ
จากนั้น พาท่านรับประทานอาหารค่ำ และเดินทางกลับเข้าสู่โรงแรมที่พัก
ที่พัก Baran Imperatory Hotel ระดับ 3 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น นำท่านแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญประจำเมือง ได้แก่ มัสยิดเก่าแก่อี โนห์ กอนแบด (Masjid E Noh Gonbad) ซากโบราณสถานที่คาดว่าสร้างขึ้นในปีคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานระหว่างกรีกและพุทธศาสนา ซึ่งในอดีตพื้นที่เมืองนี้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม รู้จักกันในนามเมืองบัลข์ (Balkh) และเป็นศูนย์กลางทางศาสนาพุทธ ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (ศาสนาเอกเทวนิยมของอิหร่าน) และศาสนาอิสลาม
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น จากนั้นนำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเดินทางกลับเมืองคาบูล
16.25 น. เดินทางสู่ คาบูล โดย Kam Air เที่ยวบินที่ 28 (ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง)
17.25 น. เดินทางถึงสนามบิน คาบูล
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก เช็คอินโรงแรมที่พัก และรับประทานอาหารค่ำ จากนั้นให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก Kabul Serena Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยัง หุบเขาพันจ์เชอร์ Panjshir Valley เราจะใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจหุบเขาอันน่าอัศจรรย์แห่งนี้ หุบเขามีแม่น้ำสายเล็กๆ พาดผ่านและเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์มากและมีชื่อเสียงในเรื่องผลไม้ พื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่คอยเป็นกำแพงป้องกันภัยทางธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม ในช่วงฤดูใบไม้ผลิเมื่อหมดหน้าหนาวและนำแข็งจากหิมะละลายลงมาจากยอดเขา ท่านจะได้พบกับทัศนียภาพที่สวยงามของต้นหญ้าสีเขียวอร่าม หุบเขาพันจ์เชอร์ที่ตั้งอยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงคาบูลนั้นจึงเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่รักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาที่ประเทศอัฟกานิสถาน เรียกได้ว่าหุบเขาแห่งนี้เป็นแหล่งเติมพลังชั้นดีให้กับผู้มาเยือน
กลางวัน รับประทานอาหารเที่ยงแบบปิกนิก
ให้เวลาท่านเดินเล่นในหุบเขาแห่งนี้ (อย่างระมัดระวัง) ได้เวลาเดินทางกลับคาบูล
ถึง คาบูล รับประทานอาหารเย็น และเดินทางกลับโรงแรมที่พัก
ที่พัก Kabul Serena Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ เกสต์เฮ้าส์ที่พัก
จากนั้น เดินทางไปยังอีกเมืองไฮไลท์ของประเทศอัฟกานิสถาน จังหวัดบามียาน ตั้งอยู่ในหุบเขาบามียาน ซึ่งมีแม่น้ำหล่อเลี้ยงประชาชน ด้านหนึ่งเป็นเขา ด้านหนึ่งเป็นหน้าผาสูงชันสลักเป็นพระยืน สภาพแวดล้อมของหุบเขา รายล้อมไปด้วยความแห้งแล้ง แต่ที่แห่งนี้อุดมไปด้วยทุ่งหญ้าและน้ำ ปัจจุบันเมืองบามียัน ใช่แต่เป็นสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบเท่านั้น แต่มีความสำคัญเพราะเป็นสถานที่ที่มีโบราณสถานอีกทั้งโบราณวัตถุและร่องรอยประวัติศาสตร์ทางสังคมและศาสนาจำนวนมากอีกแห่งหนึ่ง ที่กลุ่มนักอนุรักษ์วัตถุทางโบราณคดีในปัจจุบันให้ความสนใจ ใช้เวลาในการดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ในอดีตพื้นที่จังหวัดบามียานถูกปกครองโดยจักรวรรดิมีดซ์ (Medes) ก่อนตกอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิอะคีเมนิด (Achaemenid) ต่อมาในปี 330 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้เข้ายึดบริเวณนี้แต่ได้ละทิ้งไป ภายหลังจักรวรรดิเซลูซิดจึงเข้ามาปกครองต่อ ขณะนั้นพื้นที่ทางตอนใต้ของเทือกเขาฮินดูกูช ได้มีการเผยแผ่ศาสนาพุทธจากราชวงศ์เมารยะเข้ามา จึงมีการตั้งอารามพุทธศาสนาที่บามียาน ว่ากันว่าชื่อ บามียาน มาจากคำว่า "วรรมยาน" (varmayana) ที่แปลว่าสีในภาษาสันสกฤต ด้วยเหตุนี้จึงมีการก่อสร้างพระพุทธรูปขึ้นที่นี่จำนวนมาก แต่ก็ถูกกลุ่มกองกำลังตอลีบันทำลายไปมากเช่นกันในปี ค.ศ. 2001
ถึง บามียาน พาท่านเยี่ยมชม พระพุทธรูปแห่งบามียาน Giant Buddhas เป็น "พระพุทธรูปแกะสลักฝาผนังที่ใหญ่ที่สุดในโลก" เป็นพระพุทธรูปยืนจำนวนสององค์ที่สลักอยู่บนหน้าผาสูงสองพันห้าร้อยเมตรในหุบผาบามียาน ณ จังหวัดบามียาน ในพื้นที่ฮาซาราจัตทางตอนกลางของประเทศอัฟกานิสถาน อันห่างจากกรุงคาบูลไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณสองร้อยสามสิบกิโลเมตร หมู่พระพุทธรูปนี้สถาปนาขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 10 ตามศิลปะแบบกรีกโบราณหมู่พระพุทธรูปนี้ถูกทำลายด้วยระเบิดไดนาไมต์เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2544 ตามคำสั่งของนายมุลลอฮ์ มุฮัมมัด อุมัร ประมุขของรัฐบาลฏอลิบาน ซึ่งให้เหตุผลว่ากฎหมายอิสลามไม่อนุญาตให้บูชารูปเคารพ ในขณะที่นานาประเทศต่างการประณามการกระทำของรัฐบาลตาลิบันอย่างรุนแรง เพราะหมู่พระพุทธรูปนี้มิใช่สมบัติของบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เป็น "มรดกโลก" อันเป็นสาธารณสมบัติและความภาคภูมิใจของคนทั้งโลก โดยญี่ปุ่นและสวิตเซอร์แลนด์ร่วมใจกันสนับสนุนให้มีการปฏิสังขรณ์พระพุทธรูปนี้อีกครั้งหนึ่ง
พาท่านเดินชมรอบๆ สัมผัสไอของความเจริญทางพระพุทธศาสนาเมื่อครั้งยังไม่ถูกทำลาย ทั้งภายในและภายนอกถ้ำ
จากนั้น เดินทางไปยัง หุบเขาดาร์ยา อัจดาฮาห์ Darya Ajdhahar หรือมีชื่อที่รู้จักกันในนาม หุบเขามังกร Valley of Dragon สถานที่แห่งนี้มีการก่อตัวของหินขนาดใหญ่ที่เชื่อกันว่าเป็นซากศพของมังกรที่ทำร้ายชาวบ้านที่อยู่อาศัยในละแวกนั้นมาตลอด จนกระทั่งฮาซรัด อาลี (Hazrat Ali) ลูกพี่ลูกน้องและลูกเขยของท่านศาสดาโมฮัมเหม็ด (Prophet Mohammed) ฆ่ามัน เรื่องราวดุจเทพนิยายข้างต้นนี้อ้างว่าเป็นเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาจากหนึ่งในความทรงจำของนักบุญเซนต์จอร์จ หุบเขาดาร์ยา อัจดาฮาห์ เลื่องชื่อลืมนามเป็นอย่างมากว่าเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดในอัฟกานิสถาน หลังชมพระอาทิตย์ตกอัสดงลับขอบฟ้าไปแล้ว พาท่านเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก
ค่ำ เดินทางถึงโรงแรมที่พัก เช็คอินห้อง คืนนี้พักที่ Bamyan Royal Hotel ระดับ 3 ดาว รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น พาท่านเดินทางตะวันตกไปตามแม่น้ำเพื่อชม อุทยานแห่งชาติแบนด์-อี อาเมียร์ (Band-e Amir National Park) เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกในอัฟกานิสถานและได้รับการบรรจุให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกในปีคริสต์ศักราช 2004 เป็นชุดของทะเลสาบสีฟ้าที่ถูกแยกออกจากกันโดยเขื่อนกักน้ำธรรมชาติที่เกิดจากหินปูนที่มากไว้โดยแร่จากน้ำพุร้อนทะเลสาบตั้งอยู่ในภูเขาฮินดูกูชกลางอัฟกานิสถานที่ความสูงประมาณ 3000 เมตร สีฟ้าของน้ำเกิดจากการสะสมและแน่นตัวของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการแตกหักของพันธะของธาตุแคลเซียม สีของน้ำที่เห็นในภาพไม่ได้ทำการตกแต่งรูปแต่อย่างใด
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิก
ในวันนี้ให้ท่านพักผ่อนหน่อยใจที่ริมแม่น้ำและเดินสำรวจรอบๆ อุทยานแห่งชาติแห่งนี้
จากนั้น ได้เวลาอันสมควรแก่การเดินทางกลับสู่ตัวเมืองบามียาน
ค่ำ เดินทางกลับโรงแรมที่พัก รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
ที่พัก Bamyan Royal Hotel ระดับ 3 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น พาท่านชม ป้อมปราการชาร์-อี โซห์เฮก (Shar-e Zohak) ตั้งอยู่ทางทิศที่มุ่งหน้าไปยังหุบเขาบามิยัน เดิมใช้เป็นฐานบัญชาการทางการทหารในช่วง สองพันปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าจะโดนกองกำลังของเจงกีสข่านทำลาย แต่ป้อมปราการแห่งนี้ก็ยังคงความเป็นเอกลักษณ์และแฝงไปด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์มากมาย ด้านบนสุดของป้อมปราการสามารถชมทัศนียภาพโดยรอบได้ 360 องศา
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวันแบบปิกนิก
จากนั้น หามีเวลาเหลือพอให้เดินเล่น พาท่านเดินทางกลับไปชมซากปรักพักบนหุบเขาบามียาน ชมทัศนียภาพอันสวยงามเหนือพระพุทธรูปและดูชนบทโดยรอบ
จากนั้น ได้เวลาอันสมควรแก่การเดินทางกลับสู่ตัวเมืองบามียาน
ค่ำ เดินทางกลับโรงแรมที่พัก รับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น เดินทางกลับเมืองคาบูล โดยสายการบิน Kam Air เที่ยวบินที่ xxxx
ถึง คาบูล แวะชม มัสยิดแห่งกษัตริย์ดาบสองมือ (Shah-e Doh Shamshira mosque) ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของแม่นํ้าคาบูล สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1920 โดยการขับเคลื่อนของ Amanullah ซึ่งตั้งใจก่อสร้างมัสยิดให้มีความทันสมัยมากขึ้นและแตกต่างจากมัสยิดแห่งอื่นโดยใช้สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่าง Versailles (ฝรั่งเศส) และ Vienna (ออสเตรีย) ชื่อของมัสยิดมาจากเรื่องเล่าเก่าแก่ที่ว่า ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 คาบูลเป็นเมืองฮินดูที่ถูกล้อมรอบด้วยกองทัพอาหรับ ระหว่างทำสงครามกษัตริย์อาหรับได้ถูกอาวุธบั่นศีรษะ แต่ได้รับแรงบัลดาลใจจากองค์อัลลอฮ์จึงทำให้เขาสู้ต่อไปจนได้รับชัยชนะแวะชม มัสยิดแห่งกษัตริย์ดาบสองมือ (Shah-e Doh Shamshira mosque) ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของแม่นํ้าคาบูล สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1920 โดยการขับเคลื่อนของ Amanullah ซึ่งตั้งใจก่อสร้างมัสยิดให้มีความทันสมัยมากขึ้นและแตกต่างจากมัสยิดแห่งอื่นโดยใช้สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่าง Versailles (ฝรั่งเศส) และ Vienna (ออสเตรีย) ชื่อของมัสยิดมาจากเรื่องเล่าเก่าแก่ที่ว่า ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 คาบูลเป็นเมืองฮินดูที่ถูกล้อมรอบด้วยกองทัพอาหรับ ระหว่างทำสงครามกษัตริย์อาหรับได้ถูกอาวุธบั่นศีรษะ แต่ได้รับแรงบัลดาลใจจากองค์อัลลอฮ์จึงทำให้เขาสู้ต่อไปจนได้รับชัยชนะ
กลางวัน รับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารท้องถิ่น
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยัง ย่านเมืองเก่าคาบูล (Murad Khane) เป็นย่านชุมชนที่เกิดขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยอะห์เมด ชาห์ เดอรานี่ ผู้ก่อตั้งจักรวรรดิเดอรานี่ ปัจจุบันหลงเหลือเพียงอาคารบ้านเรือนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของอิสลาม ซึ่งได้รับการคุ้มครองและดูแลมายาวนานกว่า 400 ปี
เย็น รับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดในตัวเมืองคาบูล
จากนั้น พาท่านเช็คอินโรงแรมที่พัก และพักผ่อนตามอัธยาศัย
พัก Kabul Serena Hotel หรือเทียบเท่าระดับ 5 ดาว
เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก
จากนั้น พาท่านเดินทางไปยังสนามบินเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับอิสลามาบัด
14.00 น. เดินทางกลับสนามบินเมืองอิสลาบัด ประเทศปากีสถาน โดยสายการบิน Kam Air เที่ยวบินที่ RQ927 ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง
15.30 น. เดินทางถึงสนามบินเมืองอิสลาบัด ประเทศปากีสถาน รับกระเป๋าและพาท่านเดินทางรับประทานอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร The Monal Restaurant พร้อมชมวิวเมืองอิสลามาบัด
หลังรับประทานอาหาร เดินทางกลับเข้าสู่สนามบิน เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย
23.20 น. เดินทางกลับสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสายการบิน การบินไทย เที่ยวบินที่ TG350 ใช้เวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง 5 นาที
06.25 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ |
---|---|---|---|
09 พ.ค. 68 - 24 พ.ค. 68 | 209,900 บาท | 25,000 บาท | สอบถามเพิ่มเติม |
- บริษัทฯมีสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมทัวร์ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยจนไม่อาจแก้ไขได้
- เที่ยวบิน , ราคาและรายการท่องเที่ยว สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้เดินทางเป็นสำคัญ
- หนังสือเดินทางต้องมีอายุการใช้งานเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และบริษัทฯรับเฉพาะผู้มีจุดประสงค์เดินทางเพื่อท่องเที่ยวเท่านั้น (หนังสือเดินทางต้องมีอายุเหลือใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน บริษัทฯไม่รับผิดชอบหากอายุเหลือไม่ถึงและไม่สามารถเดินทางได้ )
- ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น หากเกิดความล่าช้าของสายการบิน การประท้วง การนัดหยุดงาน การก่อจลาจล หรือกรณีท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง หรือ เจ้าหน้าที่กรมแรงงานทั้งจากไทยและต่างประเทศซึ่งอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของบริษัทฯหรือเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งบริษัทฯอาจจะปรับเปลี่ยนโปรแกรมตามความเหมาะสม)
- ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากท่านใช้บริการของทางบริษัทฯไม่ครบ อาทิ ไม่เที่ยวบางรายการ,ไม่ทานอาหารบางมื้อ,เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างทางบริษัทฯได้ชำระค่าใช้จ่ายให้ตัวแทนต่างประเทศแบบเหมาจ่ายขาด ก่อนเดินทางเรียบร้อยแล้วเป็นการชำระเหมาขาด
- ทางบริษัทฯจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น หากเกิดสิ่งของสูญหายจากการโจรกรรมและหรือเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของนักท่องเที่ยวเองหรือในกรณีที่กระเป๋าเกิดสูญหายหรือชำรุดจากสายการบิน
- กรณีที่การตรวจคนเข้าเมืองทั้งที่กรุงเทพฯและในต่างประเทศปฏิเสธมิให้เดินทางออกหรือเข้าประเทศที่ระบุไว้ในรายการเดินทาง บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
- ตั๋วเครื่องบินเป็นตั๋วราคาพิเศษ กรณีที่ท่านไม่เดินทางพร้อมคณะไม่สามารถนำมาเลื่อนวันหรือคืนเงินและไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้
- เมื่อท่านตกลงชำระเงินไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนผ่านตัวแทนของบริษัทฯหรือชำระโดยตรงกับทางบริษัทฯ ทางบริษัทฯจะถือว่าท่านได้ยอมรับในเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆที่ได้ระบุไว้ข้างต้นนี้แล้วทั้งหมด
- กรุ๊ปที่เดินทางช่วงวันหยุดหรือเทศกาลที่ต้องการันตีมัดจำกับสายการบินหรือผ่านตัวแทนในประเทศหรือต่างประเทศ รวมถึงเที่ยวบินพิเศษ เช่น Charter Flight , Extra Flight จะไม่มีการคืนเงินมัดจำหรือค่าทัวร์ทั้งหมด